ฮือฮา ! ต้นลำเจียกโบราณ ออกดอกครั้งแรก เชื่อคลายคำสาป 1,300 ปี พระนางศรีจันทรา

 
               ชาวบ้านฮือฮา ต้นลำเจียกโบราณ ปราสาทภูมิโปน จ.สุรินทร์ ออกดอกครั้งแรกในรอบ 1,300 ปี เชื่อเป็นตามตำนาน "พระนางศรีจันทรา" เคยอธิษฐานไว้ ก่อนออกจากเมือง

              วันที่ 24 มิถุนายน 2564 ตะลุยข่าว 4 ภาค รายงานว่า ที่ปราสาทภูมิโปน ปราสาทเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย อายุกว่า 1,300 ปี ตั้งอยู่บ้านภูมิโปน ต.ดม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ มีประชาชนและนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาชมความงามของดอกลำเจียกเพียงดอกเดียว ที่กำลังบานเป็นสีเหลือง ท่ามกลางดงของต้นลำเจียกสีเขียว บริเวณริมสระบัวข้างปราสาทดังกล่าว

              สำหรับต้นลำเจียกสายพันธุ์โบราณ อยู่คู่กับปราสาทภูมิโปนแห่งนี้มากว่า 1,300 ปีแล้ว พร้อมกับเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่าสายพันธุ์ของต้นลำเจียกที่นี่ เป็นสายพันธุ์ที่ไม่เคยออกดอกให้เห็นเลยมานานนับพันปี ครั้งนี้จึงถือเป็นครั้งแรกที่ออกดอก


ชาวบ้านฮือฮา เชื่อเป็นไปตามตำนาน พระนางศรีจันทรา

              สำหรับตำนานเรื่องเล่าของต้นลำเจียกที่ปราสาทแห่งนี้ มีอยู่ว่า พระนางศรีจันทรา หรือ ราชวงศ์พระจันทร์ เจ้าหญิงแห่งภูมิโปน ได้ปลูกต้นลำเจียกเสี่ยงทายก่อนที่จะถูกจับไปเป็นมเหสีของกษัตริย์แห่งนครนายพราน (จยาธปุระ) โดยพระนางอธิษฐานไว้ ถ้าตนเองไม่ได้กลับ ขอให้ต้นลำเจียกอย่าออกดอก นับแต่นั้นมาต้นลำเจียกที่นี่ไม่เคยออกดอกอีกเลย

              นอกจากนี้ มีเรื่องเล่าจากชาวบ้านด้วยว่า เมื่อปี 2531 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จฯ ทอดพระเนตรชมปราสาทภูมิโปน โดยมีประชาชนมาต้อนรับจำนวนมาก จากนั้นได้เกิดปรากฏการณ์ดอกลำเจียกส่งกลิ่นหอมโชยคลุ้งทั่วบริเวณ จนชาวบ้านรู้สึกแปลกใจ แต่ไม่พบว่ามีดอกลำเจียกบานแต่อย่างใด

              ดังนั้น ในคราวนี้ที่ดอกลำเจียกบาน ชาวบ้านจึงเชื่อกันว่าส่วนหนึ่งเป็นความศักดิ์สิทธิ์ของปราสาทภูมิโปน โดยมีการนำเรื่องไปผูกกับตำนานการกลับมาของพระนางศรีจันทรา รวมถึงเรื่องที่กรมสมเด็จพระเทพฯ จะเสด็จฯ มาในพื้นที่นี้อีกครั้ง ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ด้วย

              สำหรับปราสาทภูมิโปน ประกอบด้วย โบราณสถาน 4 หลัง คือ ปราสาทก่ออิฐ 3 หลัง และศิลาแลง 1 หลัง มีอายุการก่อสร้าง อย่างน้อย 2 สมัย ปราสาทก่ออิฐหลังใหญ่ และหลังทางทิศเหนือสุด นับเป็นปราสาทแบบศิลปะเขมรที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย คือราวพุทธศตวรรษที่ 13 หรือประมาณ 1,300 ปี