เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ ออกสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก (Lottery 6: L6) หรือที่รู้จักกันในชื่อ สลาก L6, หวย L6 ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่งวดวันที่ 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป ซึ่งอาจจะยังมีหลายคนที่ไม่รู้ว่า สลาก L6 คืออะไร และสามารถซื้อได้จากช่องทางไหน มาดูกันเลย
สลาก L6 (Lottery L6) คืออะไร
สลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก หรือ สลาก L6 (Lottery L6) คือสลากกินแบ่งที่เหมือนกับสลากฯ ที่ขายอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งความแตกต่างของสลากแบบ L6 กับแผงสลากในปัจจุบันคือ จะมีเพิ่มสลากพิมพ์แบบดิจิทัล จำหน่ายผ่านทางแอปพลิเคชันหรือเครื่องจำหน่ายสลาก จะมีสลากให้เลือกซื้อทั้ง 2 แบบ ดังนี้
- แบบใบ เป็นสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่มีการพิมพ์ออกมาเป็นใบ โดยมีการพิมพ์หมายเลขสลากกำกับไว้บนใบสลาก ที่ระบุหมายเลขสลาก งวดวันที่ ชุดที่ รวมถึงรายละเอียดอื่น ๆ ที่พิมพ์ไว้บนใบสลาก เพื่อใช้ในการตรวจสอบความถูกต้องของสลากฉบับนั้น ๆ และเป็นหลักฐานในการขอรับเงินรางวัล ในกรณีสลากฉบับนั้นถูกรางวัล
- แบบดิจิทัล เป็นสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่มีการออกจำหน่ายผ่านช่องทางดิจิทัล มีการพิมพ์บนกระดาษป้องกันการปลอมแปลงต่าง ๆ รวมถึงพิมพ์ข้อความ L6 แบบใบ ลงบนสลากฯ ด้วย ซึ่งผู้ซื้อจะต้องลงทะเบียนผ่านแพลตฟอร์มที่กำหนด และทำการซื้อขายผ่านแอปฯ เป๋าตัง โดยสำนักงานจะเปิดให้ซื้อในเวลา 06.00 – 23.00 น. ของทุกวัน เว้นวันออกรางวัลจะเปิดให้ซื้อถึง 14.00 น.
วิธีการซื้อสลาก L6
หากสนใจซื้อสลาก L6 สามารถเลือกสลาก 1 หมายเลข ประกอบด้วย หมายเลข 6 หลัก ตั้งแต่ 000000 – 999999 ที่ปรากฎอยู่บนใบสลากหรือบนระบบดิจิทัล ต่อ 1 ฉบับ/รายการ สามารถซื้อผ่านช่องทางแอปพลิเคชันเป๋าตัง โดยออกรางวัลเดือนละ 2 ครั้ง คือวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน และจำกัดอายุผู้ซื้อ-ผู้ขาย สำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งจะไม่มีการขายในสถานศึกษา
สลาก L6 มีเงินรางวัลอะไรบ้าง
กรณีสำนักงานสลากกำหนดราคาจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลักในราคา 80 บาท สลาก 1 ชุดมี 1 ล้านฉบับจะมีเงื่อนไขเงินรางวัลในแต่ละชุด ดังนี้
- รางวัลที่ 1 จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 6,000,000 บาท
- รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 100,000 บาท
- รางวัลที่ 2 จำนวน 5 รางวัล รางวัลละ 200,000 บาท
- รางวัลที่ 3 จำนวน 10 รางวัล รางวัลละ 80,000 บาท
- รางวัลที่ 4 จำนวน 50 รางวัล รางวัลละ 40,000 บาท
- รางวัลที่ 5 จำนวน 100 รางวัล รางวัลละ 20,000 บาท
- รางวัลเลขหน้า 3 ตัว เสี่ยง 2 ครั้ง จำนวน 2,000 รางวัล รางวัลละ 4,000 บาท
- รางวัลเลขท้าย 3 ตัว เสี่ยง 2 ครั้ง จำนวน 2,000 รางวัล รางวัลละ 4,000 บาท
- รางวัลเลขท้าย 2 ตัว เสี่ยง 1 ครั้ง จำนวน 10,000 รางวัล รางวัลละ 2,000 บาท
วิธีการขึ้นเงินรางวัล
สำหรับผู้ที่ถูกรางวัลสลาก L6 สามารถขึ้นเงินรางวัลได้ 3 ช่องทาง ทั้งช่องทางออนไลน์ และขึ้นเงินได้ทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้แก่
- ขึ้นรางวัลผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง เพื่อโอนเงินรางวัลไปยังธนาคารต่าง ๆ ได้
- โอนผ่านธนาคารกรุงไทย
- นำบัตรประชาชนมาขึ้นเงินที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
ผู้ถูกรางวัลสลาก L6 สามารถขึ้นเงินรางวัลได้ทุกรางวัล รวมถึงรางวัลที่ 1 แบบทันที หรือสามารถถือครองไว้ได้นานถึง 2 ปี ก่อนมาขอขึ้นรางวัลก็ได้ เช่นเดียวกับสลากแบบใบ
นอกจากนี้ ผู้ถูกรางวัลได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ต้องชำระอากรสแตมป์ใบรับรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลในอัตรา 200 บาท หรือเศษของ 200 บาท ต่ออากรแสตมป์ 1 บาท ตามประมวลรัษฎากร (อัตราส่วนค่าอากรแสตมป์ 0.50 บาท ต่อเงินรางวัล 100 บาท หรือเศษของ 100 บาท)
อย่างไรก็ตาม สำหรับ สลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก (Lottery 6: L6) งวดวันที่ 1 ตุลาคม 2566 เริ่มขายมาตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ถือเป็นงวดแรกรวม 101 ล้านฉบับ แบ่งเป็นสลากใบ 80 ล้านฉบับ และสลากดิจิทัล 21 ล้านฉบับ
ขณะที่ พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือกองสลาก กล่าวว่า สลาก L6 ทุกชุดทั้ง 30 ล้านใบ ทุกใบราคา 80 บาท มีรางวัลที่ 1 หากมีคนถูกรางวัลที่ 1 จากทุกชุด ก็ได้เงินรางวัลสูงสุดถึง 180 ล้านบาท
ข้อมูลจาก เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา, สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล